ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน “ลิเวอร์พูล” บุกกะซวก “เวสต์แฮม” ถึงถิ่น

ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน ลิเวอร์พูล บุกกะซวก เวสต์แฮม ถึงถิ่น

หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 3-1 และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้

1. รูปเกม ครึ่งแรก รูปเกมของหงส์แดงทำได้ดีพอสมควร พยายามหาทางเจาะแนวรับคู่แข่ง นาทีที่ 5 ติอาโก จ่ายบอลทะลุไปให้ โอริกี ยิงด้วยซ้ายเต็มข้อ แทงบอลหลุดเสาแรกออกไป จากนั้นนาทีที่ 23 ติอาโก เจ้าเก่าตักบอลเข้าเขตโทษให้ ซาลาห์ โหม่งหลุดกรอบไปไม่เยอะ และถึงนาทีที่ 24 เวสต์แฮม เกือบได้เฮ จากจังหวะที่ ฟอร์นัลส์ ซัดด้วยขวาในเขตโทษ แทงบอลไปแฉลบ มิลเนอร์ ก่อนที่ โรเบิร์ตสัน จะโหม่งสกัดทิ้งออกไปได้ และก่อนหมดครึ่งแรก นาทีที่ 45 ติอาโก จ่ายให้ โอริกี ชาร์จหลุดเสาแรกออกไป ทำให้ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0

สมัครสมาชิกได้ที่ Rg3 คลิกเลย

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง ช่วง 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ได้ลุ้น 2 หนติดๆ จาก ซาลาห์ และ โอริกี แต่ก็ไปติดบล็อกและหลุดเสาแรกตามลำดับ จากนั้นนาทีที่ 56 หงส์แดง เกือบโดน เมื่อ มิคาอิล อันโตนิโอ ปั่นด้วยขวาในเขตโทษ แทงบอล หลุดเสาไปไม่ถึงคืบ กระทั่งนาทีที่ 57 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะที่ โจนส์ จ่ายให้ ซาลาห์ ปั่นด้วยซ้ายเข้าไป และในนาทีที่ 68 ลิเวอร์พูล หนีเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับเร็ว อาร์โนลด์ วาง แทงบอล ยาวขึ้นมาทางซ้ายให้ ชาคิรี เปิดโด่งเข้าเขตโทษให้ ซาลาห์ เอาแทงบอลลงอย่างสวย ก่อนดีดเข้าไปตุงตาข่าย จากนั้นนาทีที่ 84 หงส์หนีเป็น 3-0 เฟอร์มิโน จ่ายให้ ไวจ์นัลดุม ยิงเข้าไป แต่ก่อนจบเกม นาทีที่ 87 เวสต์แฮม ไล่มาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ เครสส์เวลล์ เปิดเตะมุมเข้ามาให้ ดอว์สัน ยิงเข้าไป แล้วก็จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ เวสต์แฮม 3-1

2. สามตัวสำรองเปลี่ยนเกม

นัดนี้ต้องยกนิ้วให้กับการแก้เกมของ เยอร์เกน คลอปป์ ว่าเฉียบขาดสุดๆ เพราะขณะที่เกมการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าแข้งหงส์แดงจะไม่สามารถเจาะเข้าไปทำประตูได้เสียที กระทั่งนาทีที่ 57 คลอปป์ เปลี่ยนตัวคนแรก ส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงมาแทน เจมส์ มิลเนอร์ และเจ้าหนูวัย 20 ปี ก็ใช้เวลาไม่ถึงนาทีในการจ่ายแทงบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงพาหงส์แดงขึ้นนำ 1-0 จากนั้นรูปเกมของหงส์แดงเริ่มดีขึ้น และหลังจากได้ประตูที่สอง นาทีที่ 68 คลอปป์ ก็ส่ง โรแบร์โต เฟอร์มิโน ลงมาแทน เซอร์ดัน ชาคิรี และนาทีที่ 80 ก็ส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน ลงมาแทน ดิวอค โอริกี ซึ่ง เฟอร์มิโน และ แชมเบอร์เลน ก็ไม่ทำให้เจ้านายต้องผิดหวัง หลังจากประสานงานทำชิ่งกันจน เฟอร์มิโน หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนปาดเข้ากลางให้ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ยิงเข้าไปให้หงส์แดงนำห่างเป็น 3-0 นั่นเอง

3. ซาลาห์-ฟิลลิปส์ ฟอร์มแจ่ม

เป็นเกมที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตัวรุกทีมชาติอียิปต์ของหงส์แดง โชว์ฟอร์มได้เด็ดสะระตี่ดีเหลือเกิน แสดงให้เห็นถึงความเวิลด์คลาสแบบสุดๆ เริ่มจากจังหวะที่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เขาโชว์สเตปโยกหนีกองหลังก่อนปั่นด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสุดสวย รีเพลย์ดูเป็น 10 รอบก็ไม่เบื่อ จากนั้นประตูที่สองก็ครบเครื่องไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการเอาบอลลงอย่างนิ่มนวน ก่อนจะดีด แทงบอลสวนตัวผู้รักษาประตูเข้าไป ขณะที่ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ กองหลังดาวรุ่ง ก็เป็นอีกคนที่ฟอร์มเข้าตากรรมการสุดๆ ในนัดนี้ ลูกกลางอากาศเก็บได้หมด คอยเบียดคอยชนกับตัวโหดของขุนค้อนอย่าง มิคาอิล อันโตนิโอ ได้อย่างไม่เป็นรองมากนัก เรียดได้ว่าถ้าได้รับโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ก็น่าจะเป็นอีกคนที่ทีมจะสามารถฝากความหวังเอาไว้ได้ในอนาคต

4. 3 แต้มสำคัญช่วยลุยล่าแชมป์

จากชัยชนะในนัดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 40 คะแนน ตามหลัง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง แค่ 1 คะแนน และตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูง เหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้น เรียกได้ว่าถ้าทั้งสองทีมด้านบนสะดุดกันเมื่อไร อาจจะได้เห็นหงส์แดงผงาดแซงขึ้นจ่าฝูงอีกครั้งก็เป็นได้ เพราะความมั่นใจของแข้งหงส์แดงเริ่มกลับมาแบบเต็มสูบแล้ว ต้องมารอดูกันต่อไปว่า ลิเวอร์พูล จะสามารถรักษาฟอร์มการเล่นให้สม่ำเสมอไปได้นานแค่ไหน เพราะความคงเส้นคงวาคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะตัดสินได้ว่าสุดท้ายแล้วใตรจะก้าวขึ้นไปชุถ้วยแชมป์ได้สำเร็จ